กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานจดทะเบียนธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2568 จากในเดือนกรกฎาคม 2568 มีผู้จดทะเบียนปิดกิจการ 1,825 ราย ลดลง 3% มีทุนจดทะเบียนเพื่อเลิกกิจการ 20,156 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% บริษัทสามอันดับแรกที่เลิกกิจการคือบริษัทก่อสร้างทั่วไป ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกิจการร้านอาหาร/ภัตตาคาร
ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ก.ค.) มีการปิดกิจการรวม 8,069 แห่ง เพิ่มขึ้น 1.77% มีทุนจดทะเบียน 50,700 ล้านบาท ลดลง 40.76% บริษัทสามอันดับแรกเหมือนกับบริษัทที่ปิดตัวลงในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568
สำหรับหนึ่งในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มีการแจ้งเตือนการปิดกิจการ 8,069 รายการ ข้างล่างก็มีบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 1,000 ล้านบาท รวม 8 บริษัท มีทุนเรือนหุ้นรวม 22,520 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. บริษัท ฟูไน (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าและส่งออกยา เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ทุกชนิด ทุนจดทะเบียน 1,568 ล้านบาท
2.บริษัท คิตะกาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้จัดประเภทไว้ที่อื่น มีทุนจดทะเบียน 2,560 ล้านบาท
3. บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด หรือ สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งดำเนินธุรกิจขนส่งและการขนถ่ายสินค้าและผู้โดยสารทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ มีทุนจดทะเบียน 1,800 ล้านบาท และเป็นบริษัทย่อยของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท บางกอกโซลาร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้า ส่งออก ผลิต และขายส่งโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ ทุนเรือนหุ้น 1,432 ล้านบาท
5.บริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้บริการที่ปรึกษา และแนะนำปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ทุนเรือนหุ้น 1,091 ล้านบาท
6. บริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด เป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิต ส่งออก นำเข้า ผลิต ซื้อ และจำหน่ายแผ่นโพลีเอสเตอร์ เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 10,146 ล้านบาท
7. บริษัท ทรูไลฟ์พลัส จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการเกมออนไลน์ด้วยทุนจดทะเบียน 2,575 ล้านบาท เดิมชื่อ บริษัท ทรู ดิจิตอล เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มทรู
8.บริษัท ทรู อี-โลจิสติกส์ จำกัด ประกอบธุรกิจให้ข้อมูลทางวิชาการในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาการบริหาร การพัฒนาองค์กรด้านเทคโนโลยีและอื่นๆ ทุนเรือนหุ้น 1,347 ล้านบาท เดิมชื่อ บริษัท ทรู อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด เป็นบริษัทในเครือของกลุ่มทรู
ในขณะที่จำนวนจดทะเบียนใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 7,710 ราย เพิ่มขึ้น 9.78% มีทุนจดทะเบียน 22,018 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.56% บริษัทสตาร์ทอัพสามอันดับแรกได้แก่บริษัทก่อสร้างทั่วไป ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจจัดเลี้ยง/ร้านอาหาร
รวม 7 เดือน 2568 (มกราคม – กรกฎาคม) มีผู้ป่วยใหม่ 51,548 ราย ลดลง 4.93% ทุนเรือนหุ้น 171,158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.41% โดยในช่วงดังกล่าวมีบริษัทจดทะเบียนใหม่จำนวน 11 บริษัท ซึ่งมีทุนจดทะเบียนมากกว่า 1,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 44,367 ล้านบาท ร่วมกับ
1. บริษัท อีลิท เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต จำหน่าย และส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง ทุนเรือนหุ้น 2,000 ล้านบาท
2. บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ที่อื่น ทุนจดทะเบียน 11,024 ล้านบาท
3. บริษัท ฮ็อป อินน์ โฮเต็ล จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการโรงแรมและอพาร์ตเมนต์และให้บริการทำความสะอาด บริการรักษาความปลอดภัย จำหน่ายอาหาร และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: ทุนเรือนหุ้น 3,575 ล้านบาท
4. บริษัท คอมเปค เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิต นำเข้า ส่งออก และจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องกล เครื่องมือทั่วไป แม่พิมพ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ทุนจดทะเบียน 3,000 ล้านบาท
5. บริษัท เจ็ม-เยียร์ อินดัสเตรียล จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย นำเข้า/ส่งออก สกรู น็อต สลักเกลียว หมุดย้ำ และอุปกรณ์สำหรับรัดต่างๆ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมมีทุนจดทะเบียน 1,380 ล้านบาท
6. บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กลายเป็นหุ้นส่วนจำกัด ความรับผิดในห้างหุ้นส่วนหรือในฐานะผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลในประเทศหรือต่างประเทศเพื่อประโยชน์ของบริษัท ไม่ว่านิติบุคคลจะมีวัตถุประสงค์เดียวกันกับบริษัทหรือไม่ก็ตาม ทุนจดทะเบียน 14,939 ล้านบาท
7.บริษัท อิเดมิตสึ อพอลโล (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์จาระบี และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานคล้ายคลึงกัน ทุนจดทะเบียน 1,580 ล้านบาท
8.บริษัท ภูเก็ต อาร์บี วัน จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงแรมด้วยทุนจดทะเบียน 1,062 ล้านบาท
9.บริษัท ราชดำริ ฮอสปิทาลิตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจโรงแรมด้วยทุนจดทะเบียน 2,600 ล้านบาท
10. บริษัท เฮลิ อินดัสเตรียล วีคเคิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจด้านการผลิต ประกอบ และจัดจำหน่ายยานยนต์อุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทุนเรือนหุ้น 2,001 ล้านบาท
12.บริษัท ดับบลิวทียู ซินดิเคท จำกัด ทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่า พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การเช่า การเช่า การเช่าซื้อ การขายฝาก และการจดทะเบียนสิทธิต่างๆ โดยอาคารชุดมีทุนจดทะเบียน 1,204.49 ล้านบาท
นางสาวอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นการวิเคราะห์สัดส่วนสถานประกอบการธุรกิจและการจดทะเบียนชำระบัญชีในช่วง 7 เดือน ปี 2568 อยู่ที่ 6 ต่อ 1 คือ สถานประกอบการถาวร 6 แห่ง และการชำระบัญชี 1 แห่ง สัดส่วนนี้สอดคล้องกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567)
ที่ 51,548 จำนวนธุรกิจใหม่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 48,040 ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา บริษัทที่มีการเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การขายส่งสินค้าทั่วไปเพื่อค่าตอบแทนหรือสัญญา เพิ่มขึ้น 50.16% ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และคอนโดมิเนียม เพิ่มขึ้น 46.90% และธุรกิจขนส่ง การบรรทุกสินค้าและผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 23.46%
โควิดกระทบอะไหล่รถยนต์และปิดธุรกิจ
นายสุพจน์ สุขพิศาล เลขาธิการ FTI Future Mobility-ONE Cluster และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมส่วนประกอบ และชิ้นส่วนรถยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวกับกรุงเทพธุรกิจว่า ปี 2566 จะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ได้รับผลกระทบคือช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ปัญหาคือหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น การเงินจึงไม่อนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะรถกระบะซึ่งเป็นตลาดหลักในประเทศไทย
เมื่อรวมกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยที่ผู้ผลิตรถยนต์จีนเข้าสู่ตลาดและห่วงโซ่อุปทานในประเทศยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ บริษัทหลายแห่งต้องทำการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ
“สถานการณ์สะสมส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์การผลิตและยอดขายโดยรวมลดลงในปีที่แล้ว ส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ลดลงถึง 30% มีบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ประมาณ 10 บริษัทที่ต้องปิดตัวลง” นายสุพจน์กล่าว
ขอยกตัวอย่างที่ชัดเจน บริษัท คิตะกาว่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีทุนจดทะเบียน 2,560 ล้านบาท ได้ยุติธุรกิจนี้แล้ว ถือเป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจนจากวิกฤตข้างต้นที่บริษัทต่างๆ เริ่มประสบปัญหาหลังโควิดไม่นาน จะมีข่าวประกาศปิดร้านในปลายปี 2566
ทั้งนี้ การจ้างงานซัพพลายเออร์ด้านยานยนต์แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. พนักงานบริษัท 2. ผู้รับเหมาช่วง และ 3. พนักงานจ้างภายนอก เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แม่บ้าน และคนขับรถ ดังนั้นหากธุรกิจซบเซาในปี 2565-2566 ควรทำอย่างไรก่อนส่งคืนผู้รับเหมาช่วงที่ประกาศเลิกสัญญาล่วงหน้า 1 เดือน? หากเป็นไปไม่ได้ จำนวนพนักงานจะลดลงและส่วนเกินจะเกิดขึ้นเป็นศูนย์ ซึ่งมี OT และอยู่ระหว่างการชำระบัญชี
ผลกระทบจากการชะลอตัวของวัฏจักรปิโตรเคมี
แหล่งข่าวอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกล่าวว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลกอยู่ในวงจรขาลงอย่างต่อเนื่องมานานกว่าสามปี แม้กระทั่งบริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศเลิกกิจการเพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจแล้ว
การชะลอตัวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในวงกว้าง รวมถึงบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ด้วย สิ่งนี้ทำให้เกิดความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพื่อพาบริษัทออกจากสถานการณ์นี้ แนวทางหนึ่งที่ตรวจสอบคือการปรับพอร์ตธุรกิจของบริษัทย่อยในธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมี ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC
“ปัจจุบันคณะผู้บริหารกลุ่ม ปตท. อยู่ระหว่างการศึกษาและปรับโครงสร้างทั้ง 3 บริษัท เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการรับมือกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทั่วโลกที่อยู่ในช่วงขาลงอย่างต่อเนื่องในปี 2567 ผู้บริหารกลุ่ม ปตท. พยายามเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศเพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วย”
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบทั่วโลกของปิโตรเคมีเกิดจากกำลังการผลิตส่วนเกินของโรงงานปิโตรเคมีของจีน (Overcapacity) ในปริมาณมาก ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมีการผลิตอยู่เหนือตลาด ส่งผลให้ราคาปิโตรเคมีโลกร่วงลงอีก
พิสูจน์อักษร…สุรีย์ ศิลาวงศ์