HSBC เตรียมเพิ่มทุน 3.1 พันล้าน เร่งเครื่องธุรกิจในไทย เจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง


นายจอร์จิโอ กัมบา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย (HSBC) เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน HSBC มีธุรกิจหลัก 3 ประเภทในประเทศไทย ได้แก่ Wealth & Private Wealth Offer โดยพิจารณาจากการพัฒนาความมั่งคั่งของประชากรในภูมิภาคนี้ รวมถึงประเทศไทยที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จุดแข็งของเราไม่เพียงแต่อยู่ที่การลงทุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการให้บริการทางการเงินอื่นๆ ด้วย

ธุรกิจดิจิทัลสำหรับองค์กรมุ่งสู่การเป็นธนาคารต่างประเทศชั้นนำสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินดิจิทัลในประเทศไทย และบริษัทการเงินที่ยั่งยืนซึ่งมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการเงินที่ยั่งยืนด้วยมูลค่ารวม 750,000-1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2575

ทั้งนี้เป้าหมายที่เราตั้งไว้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของธนาคารต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าการเมืองไทยจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม ธนาคารพร้อมสนับสนุนการลงทุนภาคธุรกิจไทย และให้ความสำคัญกับความสอดคล้องกับนโยบายของประเทศเป็นอันดับแรกเราอยู่ในประเทศนี้มานานแล้ว ผมผ่านรอบการเมืองมาหลายรอบก็จะปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว นี่คือสิ่งที่เราคาดการณ์ว่า GDP ของไทยจะเติบโตได้ 4.1% ในปีนี้ และคาดว่าไทยยังมีแนวโน้มขาขึ้น ล่าสุดธนาคารวางแผนเพิ่มทุนอีก 3,100 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศไทย ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนรวม 25,700 ล้านบาท จากเดิม 22,600 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอเพิ่มทุน รวมถึงการขอใบอนุญาตจัดการกองทุนส่วนบุคคล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้มั่งคั่งได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น

“ประเทศไทยเป็นประเทศที่เราเห็นศักยภาพในการเติบโตและขยายธุรกิจของเรา เป้าหมายของ HSBC คือการเป็นธนาคารระหว่างประเทศชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน เพื่อช่วยให้ลูกค้าและผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราตระหนักถึงโอกาสในภูมิภาคนี้ และสนับสนุนให้พวกเขาเติบโตโดยการส่งเสริมการลงทุนและดึงดูดนักธุรกิจไทยให้ขยายธุรกิจในต่างประเทศและดึงดูดนักธุรกิจต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกันเป้าหมายของเราคือการเป็นธนาคารชั้นนำในต่างประเทศสำหรับบริษัทไทยและบุคคลที่มีรายได้สูงในการลงทุน ระดับภูมิภาคและระดับโลกและขยายความเสี่ยงในการลงทุน”

นายจอร์จิโอ กัมบา ยังกล่าวอีกว่า ธนาคารเอชเอสบีซีเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 และได้รับรางวัลธนาคารระหว่างประเทศที่ดีที่สุดของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 ธนาคารมีการเติบโตแบบทวีคูณในทุกด้าน และมีกำไรก่อนหักภาษีสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตถึง 55%